ผู้สื่อข่าว THAI TIME ประจำจังหวัดสิงห์บุรี ได้ลงพื้นที่สำรวจผลสภาพการค้าขายตลาดกลางคืนบริเวณตลาดฝาครอบคลองและริมถนนสิงห์บุรี-อ่างทอง ภายหลังจากมีการประกาศเคอร์ฟิว ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง
ผลจากการสำรวจพบว่า การประกาศเคอร์ฟิวทำให้วงจรการค้าขายตลาดกลางคืนของชาวสิงห์บุรีเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอาหารสดประเภทผักสด ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ ซึ่งตามปกติจะมีกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขายออกมาจับจ่ายกันในช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนของทุกวันเป็นต้นไป เพื่อนำไปจำหน่ายต่อในหมู่บ้าน หรือสำหรับนำไปปรุงอาหารสำเร็จรูป(ข้าวแกง) รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วไป ที่จะต้องจัดเตรียมวัตถุดิบเตรียมเปิดให้บริการให้กับลูกค้าในช่วงเช้า
แต่หลังจากมีการประกาศเคอร์ฟิว ทำให้วงจรการค้าขายและห่วงโซ่การประกอบอาชีพของชาวสิงห์บุรี เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ
กลุ่มแรก ผู้ค้าประเภทขายส่ง สินค้าประเภท ผัก ผลไม้ รวมถึงรถเร่ที่บรรทุกผัก-ผลไม้มาจากตลาดค้าส่งอย่างเช่น ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ได้เปลี่ยนเวลาจากเดิมเริ่มขายช่วงเที่ยงคืน มาเป็นเปิดขายในช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 15.00 น.จนถึงเวลา 21.00 น. หลังจากนั้นจะเก็บร้านและรีบเดินทางกลับเข้าที่พัก ให้ทันกำหนดเคอร์ฟิวคือ 22.00 น. และจะออกจากที่พักเพื่อกลับมาตั้งร้านขายใหม่อีกครั้ง(กรณีมีสินค้าเหลือ)ในช่วงหลังพ้นกำหนดเคอร์ฟิว คือเวลา 04.00 น.
กลุ่มที่สอง ผู้ค้าอาหารสดไม่ว่าจะเป็นไก่ หมู ปลา อาหารทะเล จะมีบางส่วนเปิดขายในช่วงเย็นเช่นกันแต่ไม่มากนัก ขณะที่ส่วนใหญ่ใช้วิธีนำสินค้ามาลงไว้ เพื่อเตรียมตัวขายในช่วงเช้ามืดหลังเวลา 04.00 น.
จากการสอบถามความเห็นผู้ค้าถึงยอดขาย ส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า ลดลงมาถึง 50% ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่สะดวกเรื่องของช่วงเวลา การประกาศปิดร้านอาหารให้จำหน่ายได้เฉพาะนำกลับไปรับประทานที่บ้าน ทำให้ยอดจำหน่ายวัตถุดิบลดน้อยลง
ประกอบกับผู้บริโภคกลัวการแพร่ระบาด ไม่ค่อยออกมาจับจ่ายสินค้า และปัจจัยสุดท้ายเป็นช่วงปิดภาคเรียน ยิ่งส่งให้บรรยากาศการซื้อขายสินค้าสดลดซบเซาหนักกว่าเดิม
