นายชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมคณะผู้บริหาร เดินทางไปร่วมกิจกรรมโครงการฯให้ความรู้ เกี่ยวกับการพัฒนาสวนผลไม้โดยเฉพาะสวนทุเรียนให้กับเกษตรกร อ.ลับแล รวม 7 ตำบล โดยนายชัยศิริกล่าวว่า ขอให้เกษตรช่วยกันรักษาคุณภาพทุเรียน ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำของนักวิชาการเกษตร และจะต้องร่วมมือกันทั้งระบบ อย่าให้เกิดโรคระบาดขึ้นมาได้ เพราะทุเรียนลับแลกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภูมิภาคเอเชียและยุโรป หากเกษตรกรร่วมมือกันรักษาคุณภาพไม่ให้ตกต่ำ เชื่อว่าอีกไม่นานคุณภาพชีวิตของชาวสวนจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยในส่วนของ อบจ.อุตรดิตถ์จะพยายามหาแหล่งน้ำจากเขื่อนผาจุกเพิ่มเติมมาให้ชาวสวนได้ใช้สำหรับปลูกทุเรียนและพืชผักผลไม้อื่นๆ ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
ทางด้านวิทยากรนักวิชาการประจำโครงการฯ นายธีระพล เหมืองหม้อ เกษตรอำเภอลับแล กล่าวว่า สวนทุเรียนลับแลมีประมาณ 3 หมื่นไร่ เก็บผลผลิตได้แล้วประมาณ 2 หมื่นไร่ ถ้าปีไหนฝนฟ้าอำนวยไม่แล้งจนเกินไปทุเรียนจะดกมาก และที่พิเศษไปกว่านั้นคือทุเรียนลับแลรสชาติหวาน หอม และมันอยู่ในผลเดียวกัน เมื่อเทียบกับที่อื่นแล้ว ทุเรียนลับแลรสชาติดีกว่ามาก เนื่องจากดินมีแร่ธาตุที่เหมาะกับการปลูกทุเรียน สามารถให้รสชาติเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อ.ลับแลเท่านั้น หากนำพันธุ์ไปปลูกยังแหล่งอื่น ก็ให้ผลผลิตที่มีรสชาติไม่ดีเท่ากับการปลูกในพื้นที่ลับแล
นายธีระพลกล่าวต่อไปว่า ขอฝากย้ำเตือนไปยังเกษตรกรด้วยว่า ช่วยกันรักษาคุณภาพและมาตรฐานทุเรียน อย่าเห็นแก่รายได้เล็กๆ น้อยๆ ชิงตัดทุเรียนอ่อนออกขายก่อนกำหนด เพราะการกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคซึ่งมีโทษปรับสูงถึง 1 หมื่นบาทแล้ว ยังจะทำให้ชื่อเสียงของทุเรียนลับแลเสียหายด้วย นอกจากนี้นาย เสฐียรพงศ์ มากศิริ ผวจ.อุตรดิตถ์ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า อย่าใช้วิธีดังกล่าวทำลายผลไม้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเด็ดขาด
ภาพ/ข่าว : ชิณภัตรกรุ๊ปข่าว รายงานจาก จ.อุตรดิตถ์