วัดกระดังงาบุปผาราม สร้างเมื่อใดไม่ทราบแน่ชัด รู้แต่ว่าเป็นวัดที่มีประวัติยาวนาน และเชื่อมโยงกับการศึกสงคราม ปกป้องแผ่นดินมาหลายยุคหลายสมัย ที่สำคัญมีหลักฐานการผูกพันแนบแน่นกับชาวมอญอยู่หลายอย่าง เช่น เสาหงส์ และพระพุทธรูปในวิหารมหาอุตม์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลักษณะและศิลปะเชิงช่างแบบมอญ เดิมมีถึง 22 องค์(ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเหลือครบไหม) องค์พระเดิมทาด้วยสีขาวอมชมพู และทาปากสีแดงแบบพระมอญ ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่ออึ่ง ซึ่งเป็นชื่อของอดีตเจ้าอาวาส พระผู้เรืองอาคมแก่กล้ามากองค์หนึ่งในยุคนั้น ต่อมาภายหลังเปลี่ยนมาเรียกเป็น “หลวงพ่อปากแดง”
ตามตำนานที่เล่าต่อๆ กันมา(ยังหาเอกสารอ้างอิงไม่ได้) ระบุว่า วิหารมหาอุตม์ที่วัดกระดังงา มีไว้สำหรับทำพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลัง หรือพิธีสำคัญๆ มอบให้กับทหารหรือผู้ที่จะออกไปทำศึก ว่ากันว่าทัพของพระนเรศวรฯก็เคยเสด็จมาพักแรมที่วัดแห่งนี้ (มีพลับพลาเก่า สันนิษฐานว่าเป็นที่ประทับของพระนเรศวรฯ-ปัจจุบันทางวัดปรับปรุงใหม่ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก)
ลักษณะพิเศษของวิหารมหาอุตม์ ก็คือจะมีแค่ทางเข้าแต่ไม่มีทางออก ที่สำคัญแคบมากเข้าได้ทีละคนเท่านั้น (บางตำราเรียกว่า ประตูบูรพา) ลักษณะทรงไทยสมัยอยุธยาตอนต้น บางท่านเรียกว่าทรงเรือสำเภา ก่ออิฐฉาบผนังทึบ กว้าง 16 เมตร ยาว 22 เมตร มีกำแพงแก้ว ก่ออิฐทึบโดยรอบ ด้านข้างมีช่องแสงแบบบานเดียวแต่เจาะเป็น 3 ช่อง เหมือนกันทั้งสองข้าง ลักษณะการก่อสร้างแบบนี้ พบแห่งเดียวในจังหวัดสิงห์บุรี
สร้างคู่กับ เจดีย์ทรงระฆังคว่ำสมัยอยุธยา ย่อมุมไม้สิบสอง สูงประมาณ 20 เมตรเศษ ด้านบนมีลานประทักษิณรอบองค์ระฆังประกอบจัตุรมุขทั้ง 4 ทิศ มีพระปางต่างๆ ประดิษฐานอยู่ เช่น ปางห้ามสมุทร มีปล้องไฉน เสาหาน ปลียอดที่ยังสมบูรณ์อยู่ ถือว่าหาดูได้ยากในสมัยนี้ ทรงคล้ายกับเจดีย์พระศรีสรรเพชร จังหวัดอยุธยา
ที่ผ่านมามักประสบปัญหาน้ำท่วมโบราณสถานแห่งนี้เป็นประจำ เนื่องจากบริเวณที่ตั้งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาและเป็นที่ราบลุ่ม โชคดีมี หน่วยงานท้องถิ่น เข้ามาทำคันดินกั้นเอาไว้ จึงพอบรรเทาปัญหาได้ชั่วคราว แต่ถ้าปีใดมีน้ำเหนือหลากมามาก โอกาสรอดพ้นเป็นไปได้ยากมาก..ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมากราบไหว้หลวงพ่อปากแดงกันมิได้ขาด
พิกัด : ถนนสายสิงห์บุรี-ชัยนาท ตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี