วันที่ 14 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีครอบครัวหนึ่ง อยู่ด้วยกัน 5 คน มียายที่เป็นหม้ายต้องเลี้ยงหลานถึง 4 คนที่ยังเล็กอยู่ โดยมีหลาน 3 คน เป็นผู้พิการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เลี้ยงชีพด้วยการขายข้าวเม่าทอด มันทอด กล้วยทอด โดยมีคนแก่แถวบ้านที่มีฐานะยากจน ไม่มีครอบครัว อายุ 74 ปี มารับจ้างช่วยขายของด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวจึงไปที่ร้านขายกล้วยทอดที่เป็นรถเข็นจอดขายอยู่บริเวณหน้าที่ทำการอำเภอพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยมี นางอนงค์ ซ่อนกลิ่น อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 2 ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านกำลังทอดกล้วยแขกอยู่ และมี น.ส.บุปผา ห่านประภา อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.3 ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีลูกหลานเลี้ยงดูมารับจ้างขายกล้วยทอดกับ นางอนงค์ ด้วย
โดยนางอนงค์เล่าให้ฟังว่า ตนมีหลานอยู่ 4 คน คนโตชื่อ ด.ช.วัชรวิศว์ ซ่อนกลิ่น อายุ 14 ปี คนต่อมาชื่อ ด.ช.กิตติพัฒน์ ตรัสงาม อายุ 12 ปี ทั้งสองคนเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถลุกเดินได้ ทำได้เพียงพลิกศีรษะและขยับแขนไปมาเท่านั้น ส่วนคนเล็กคือ ด.ญ.ธนัชชา ซ่อนกลิ่น อายุ 7 ขวบ เริ่มมีอาการเหมือนพี่คือ พูดไม่ได้ แต่ยังเดินได้แต่เดินลักษณะเอียงๆ ส่วนคนที่ 3 เป็นผู้หญิง คนนี้ปกติ เพียงแต่พูดไม่ชัด และเริ่มเดินเอียงๆ
นางอนงค์ ผู้เป็นยายต้องรับภาระเลี้ยงหลานทั้ง 4 คนเพียงลำพัง ต้องออกไปขายกล้วยทอดเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายและค่ารักษาตัวของหลานๆ ซึ่งพ่อกับแม่ของเด็กได้ทิ้งไป ส่วนในช่วงกลางวันก็จะมีลุงของเด็กๆ ที่อยู่บ้านใกล้เคียงมาช่วยดู ช่วยป้อนข้าวให้เด็กๆ บ้าง จนช่วงบ่ายๆ นางอนงค์ เลิกขายของแล้วก็จะกลับบ้านมาดูแลเด็กต่อ
ทางด้านนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี หลังจากได้ทราบเรื่องของครอบครัวนี้ จึงได้มอบหมายให้ พันเอก ชายธนัญชา วาจรัต รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดสิงห์บุรี นายธรินทร์ นวลฉวี ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสิงห์บุรี และ นางเตือนใจ คงสมบัติ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสิงห์บุรี ให้นำเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้กับครอบครัว นางอนงค์ ยายของเด็กพิการทั้ง 3 ราย
