ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณด้านหลังวัดหัวว่าว ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับข้อมูลมาว่าที่มีเชิงตะกอนเก่าที่ทางวัดยังคงอนุรักษ์ไว้ โดยพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีต้นยางทั้งเล็กและใหญ่กว่า 80 ต้น ในจำนวนนี้มีต้นสูงใหญ่อายุเกินร้อยปีอยู่อีกหลายสิบต้น ทำให้บรรยากาศบริเวณดังกล่าวรกครึ้ม เงียบสงัด และวังเวงมาก
ขณะเดียวกันบริเวณโดยรอบจะมีรูปปั้นปูนเก่า ทั้งที่ชำรุดและยังสมบูรณ์ ตั้งเรียงรายอยู่ตามจุดต่างๆ ยิ่งสร้างบรรยากาศให้ดูน่าสะพรึงกล้วมากยิ่งขึ้น
จากการสอบถามนายธงชัย พวงแก้ว วัย 59 ปี ซึ่งเป็นสัปเหร่อที่วัดหัวว่าวแห่งนี้มากว่ายี่สิบปี ได้ความว่า สถานที่แห่งนี้เป็นป่าช้าเก่า ที่ทางวัดได้อนุรักษ์ไว้โดยมีเชิงตะกอนโบราณ และรูปปั้นอายุกว่า 60 ปี โดยไม่ได้ทุบทำลายทิ้งแม้ว่าจะมีเมรุเผาศพแห่งใหม่แล้วก็ตาม
วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาและเรียนรู้ถึงวิถีชีวิต ตลอดจนกรรมวิธีในการจัดงานเผาศพของไทยในสมัยโบราณ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเชิงตะกอนแห่งนี้เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในจังหวัดสิงห์บุรี
นายธงชัย ยังเล่าอีกว่า สมัยก่อนเมื่อมีคนเสียชีวิตก็จะนำมาประกอบพิธีที่บริเวณนี้ ด้วยการนำศพวางไว้บนกองฟืนและทำการเผา ต่อมาเจ้าอาวาสองค์เดิมซึ่งมรณภาพไปแล้ว ได้สร้างเชิงตะกอนแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อให้การเผาศพมีความสะดวกและดูเรียบร้อยขึ้น ไม่อุจาดตามากนัก
กระทั่งมาถึงยุคปัจจุบัน ทางวัดได้สร้างเมรุเผาศพสมัยใหม่เรียบร้อยแล้ว เชิงตะกอนแห่งนี้ก็ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพดั้งเดิม ปัจจุบันเมื่อตกค่ำ จะไม่ค่อยมีใครกล้าเดินผ่านพื้นที่บริเวณนี้มากนัก เพราะบรรยากาศในช่วงค่ำคืนออกจะเงียบวังเวง แม้จะเป็นเส้นทางลัดระหว่างหน้าวัดไปหลังวัด แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่มักเลือกใช้เส้นทางอ้อมออกไปนอกวัดแทน ถึงจะไกลหน่อยก็ตาม
