ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสิงห์บุรี นัดที่ผ่านมา นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ประธานในที่ประชุม ได้แสดงความห่วงใยต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำ หลังจากพบปัญหาการติดเชื้อโควิดในหลายแห่งทั่วประเทศ โดยทางเรือนจำสิงห์บุรีได้ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีการแพร่เชื้อโควิดแต่อย่างใด
สำหรับช่องโหว่ที่นายชำนาญวิทย์ กังวลว่าจะเป็นช่องทางให้มีการนำเชื้อโควิดเข้าไปแพร่ระบาดในเรือนจำมี 3 ประการ ได้แก่
ประการแรก #ญาติที่เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องขัง ซึ่งทางเรือนจำชี้แจงว่า ใช้วิธีโทรศัพท์และวีดีโอคอล ทำให้ตัดปัญหาการแพร่เชื้อไปได้
ประการที่สอง #คนงานส่งอาหาร ที่จะต้องเข้า-ออกเป็นประจำทุกวัน โดยทางเรือนจำแจ้งว่าใช้วิธีตรวจคัดกรองเข้มงวด พร้อมกับมีมาตรการอื่นๆ อย่างรัดกุม
ประการที่สาม #พัศดีหรือผู้คุมเรือนจำ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง อาจจะเป็นช่องทางที่จะนำเชื้อเข้าไปแพร่ในเรือนจำได้ โดยทางเรือนจำชี้แจงว่า ได้ใช้วิธีตรวจโควิดทุก 14 วัน และที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รายใดติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ได้เสนอแนะต่อที่ประชุมว่า ประเด็นที่กังวลมากที่สุดก็คือ พัศดีหรือผู้คุมที่ทางเรือนจำใช้วิธีตรวจทุก 14 วัน เพราะระยะเวลาการฟักตัวของเชื้อโควิดในแต่ละคนแตกต่างกัน ที่สำคัญหลังจากตรวจหาเชื้อวันนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าวันรุ่งขึ้นจะไม่ติดเชื้อ ตราบใดที่ยังต้องออกมาพบปะกับบุคคลภายนอกหลังจากออกเวรยามแล้ว
ดังนั้นจึงเสนอให้ใช้วิธี ห้ามไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง ออกมาข้างนอกเลย จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือหากมีมาตรการอื่นที่รัดกุมกว่า ขอให้ทางเรือนจำนำกลับไปคิดทบทวนแล้วกลับมานำเสนอในการประชุมคราวต่อไป
นายชำนาญวิทย์กล่าวต่อไปว่า ถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เรือนจำสิงห์บุรีคงจะไม่แตกต่างจากเรือนจำอื่นๆ กล่าวคือ ยอดการติดเชื้อคงไม่ต่ำกว่า 1,500-1,600 ราย อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือกันถึงขั้นตอนอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น มาตรการป้องกัน เริ่มตั้งแต่ต้นทางของการรับผู้ต้องหาก่อนเข้าสู่เรือนจำ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร ให้รัดกุมมากที่สุดด้วย
Comments
No related posts.