“ผู้ใหญ่ชีพ” #ต้นแบบผู้นำชุมชนสู้โควิด ตั้งศูนย์ฯบ้านพิกุลทอง โดยไม่รบกวนงบประมาณจากภาครัฐ ผู้ว่าฯปลื้มยกเป็นศูนย์ต้นแบบของจังหวัด
จากการพูดคุยกับนายสุเทพ เพชรแสงสี หรือผู้ใหญ่ชีพ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 เล่าถึงที่มาของจัดทำศูนย์ดังกล่าวว่า โครงการนี้เริ่มต้นจากช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยมีลูกบ้านที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงเข้ามาในหมู่บ้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และปัญหาการนำเชื้อมาแพร่ยังบุคคลในบ้านก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเช่นกัน
จึงปรึกษากันว่า เราจะแก้ไขปัญหาและหาทางออกร่วมกันอย่างไร ในที่สุดก็มีมติเห็นพ้องต้องกันว่า ให้ใช้พื้นที่ในหมู่บ้านคือ ศาลากลางบ้าน ศูนย์เรียนรู้ ม.4 ต.พิกุลทอง มาทำเป็นสถานที่กักตัวของผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง โดยความร่วมมือของชาวบ้าน อสม. ผู้นำชุมชน และ พระภิกษุสงฆ์
เริ่มต้นจาก ร่วมกันจัดเตรียมพื้นที่ ใครมีแรงลงแรง ใครมีอะไรก็นำมาร่วมกัน เช่น แคร่ไม้ โต๊ะ มุ้ง หมอน ที่นอน ทีวี ปลั๊กไฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ผู้มีความเสี่ยงใช้ในการกักตัว อยู่กันแบบประหยัดตามวิถีชาวบ้านทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีการจัดเวรยาม อสม.ในชุมชนมาช่วยดูแล ส่วนข้าวปลาอาหารก็มีชาวบ้านรวมถึงพระภิกษุสงฆ์ ร่วมกันบริจาค ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. เข้ามาช่วยดูแลให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข มีการวัดไข้ สังเกตอาการ ให้คำแนะนำการปฏิบัติตัว รวมถึงตรวจหาเชื้อตามระยะเวลาที่กำหนด
ผู้ใหญ่ชีพกล่าวทิ้งท้ายว่า จุดประสงค์หลักเพื่อป้องกันคนเชื้อโรคไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดสู่คนในชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเฒ่าคนแก่ ซึ่งโครงการนี้เราทำกันด้วยใจ ไม่ได้เบิกงบประมาณของทางราชการเลย มีแต่ประชาชนเต็มใจมาช่วยเหลือกัน เพื่อให้คนที่เดินทางเข้ามาได้กักตัวอย่างปลอดภัย
และจากการทำโครงการนี้ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อที่คัดกรองจากศูนย์คัดกรองแห่งนี้ 2 รายแล้ว ลดการแพร่กระจายสู่คนในครอบครัวและชุมชนได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ในช่วงเช้าของวันนี้ นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ พร้อมกับกล่าวชื่นชมผู้ใหญ่บ้าน อสม. และชาวบ้านทุกคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถือเป็นศูนย์ต้นแบบของทางจังหวัด ที่เกิดจากความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน
โดยหากขาดเหลือสิ่งใด เช่น มุ้ง ผ้าห่ม หรือข้าวของเครื่องใช้ ขอให้แจ้งที่กาชาดจังหวัดสิงห์บุรีได้เลย ทางจังหวัดพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
