ในยุคที่ต้องสู้กับ COVID-19 การปรับตัวถือเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนรายได้หดหาย ต้องหันมาทำอาชีพเสริมเพื่อเติมรายได้ในส่วนที่ขาดไป ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการไม่ย่อท้อกับอุปสรรค และยังเป็นการส่งกำลังใจให้กับคนอื่นๆ ให้ลุกขึ้นมาสู้กับเศรษฐกิจที่โดนพิษโควิด-19 ด้วย
อย่างเช่น อาชีพ ลิเก หลายคณะก็ต้องมาหยุด งานแสดงถูกยกเลิก ผู้สื่อข่าวผ่านไปบริเวณบ้านเลขที่13/1 ม.5 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ใกล้เคียงสี่แยกไฟแดงวัดสว่างอารมณ์ เห็นพ่อค้าส้มตำใส่ชุดลิเกตำส้มตำอย่างคล่องแคล่ว พร้อมแหล่ลิเกเสียงหวาน สร้างความฮือฮาแก่ชาวบ้านที่ใช้เส้นทางผ่านไปมา แถมมีแม่ยกตามมาจากจังหวัดต่างๆ มาอุดหนุนพร้อมมอบพวงมาลัยแบงก์ร้อย – แบงก์ห้าร้อยเต็มคอ
ทราบชื่อ นายเดชฤทธิ์ จันทะโคตร อายุ 28 ปี เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นพระเอกลิเก คณะ “วาวกังวาน” โดยเปิดทำการแสดงมาแล้วประมาณ 5 ปี หลังจากโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้คณะลิเกตนไม่มีงานแสดงมาตั้งแต่เดือนมีนาคม เมื่อหยุดงานขาดรายได้ ตนเองไม่ได้เรียนหนังสือ เลยไม่รู้ว่านอกจากแสดงลิเกแล้วจะไปทำอาชีพอะไรได้ เนื่องจากมีพี่สาวและแม่เป็นแม่ค้าขายกับข้าว ตนเองก็มีฝีมือในด้านทำอาหาร ตำส้มตำ เลยลองมาเปิดร้านขายส้มตำเอง เพราะไม่รู้ว่าทางภาครัฐจะอนุญาตในส่วนของลิเกให้เปิดการแสดงเมื่อไหร่ แต่ถ้าอนาคตร้านส้มตำมีลูกค้าอุดหนุนและไปได้ดีก็จะทำเป็นอาชีพเสริมควบคู่กับการเปิดการแสดงลิเก
ในวันนี้(17 พ.ค.63) ทางร้านได้เปิดเป็นวันแรก มีแม่ยกและลูกค้าที่เห็นตนใส่ชุดลิเกแวะมาอุดหนุน ทางร้านมี อสม.มาวัดไข้และเจลแอลกอฮอล์ สแกนลูกค้าก่อนเข้าร้าน ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยทางร้านมีส้มตำ อาหารตามสั่ง น้ำพริกและอีกหลายอย่างที่ญาติๆ มาตั้งขายกัน สามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์โทร.095-7381355
ด้าน นางนิตยา ห้วยหงษ์ทอง อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/23 หนองแขม กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแม่ยกที่ชื่นชอบคณะลิเก “วาวกังวาน” เป็นอย่างมาก ได้เล่าให้ฟังว่า ติดตามดูคณะลิเกนี้มานาน โดยเฉพาะ พระเอกวาวกังวาน โดยตัวนายเดชฤทธิ์ นั้นเป็นเด็กดี นิสัยดี ขยันชอบทำมาหากิน พอทราบว่า นายเดชฤทธิ์มาเปิดร้านส้มตำเป็นวันแรก ก็เลยเดินทางมาให้กำลังใจและมาอุดหนุนที่ร้านส้มตำแห่งนี้ โดยอาหารที่ร้านมีรสชาติอร่อย สะอาด โดยมากันสี่คน และมาแวะไหว้พระตามวัดต่างๆ ในจังหวัดสิงห์บุรีด้วย
