สิงห์บุรีกำชับท้องถิ่น จัดระเบียบ-ดูแลความสะอาดพื้นที่สาธารณะ

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ลงนามในหนังสือ “ขอความร่วมมือในการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดยมีใจความว่า..

     ด้วยจังหวัดสิงห์บุรีได้ตรวจพบข้อมูลและภาพทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าบริเวณถนนซอยในพื้นที่ตลาดเทศบาลเมืองสิงห์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี มีพืชไม้เลื้อยชนิดหนึ่งเลื้อยพันสายไฟฟ้าที่พาดผ่านถนนซอยดังกล่าว ในลักษณะที่อาจทำให้สายไฟฟ้าได้รับความเสียหายและความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองในบริเวณนั้น

     แม้ว่าเทศบาลเมืองสิงห์บุรีจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการนำพืชไม้เลื้อยออกจากสายไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าสายไฟฟ้าที่ถูกไม้เลื้อยพันอยู่เป็นเวลานานนั้นจะไมได้รับผลกระทบในด้านประสิทธิภาพของการใช้งานต่อไปในภายหน้า

     ดังนั้นเพื่อเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้า #จึงขอซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ ดังนี้

  1. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการรักษาความสะอาด ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 โดยเน้นย้ำในการดูแลรักษาความสะอาดในทางที่สาธารณะ

รวมถึงสถานที่ที่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร หรือที่ดินผู้ใด ที่วางกระถางต้นไม้บนทางเท้าหรือปลูกต้นไม้บริเวณภายนอกอาคาร หรือปล่อยปละละเลยให้ต้นไม้หรือธัญพืชที่ตนปลูกไว้หรือที่ขึ้นเองในบริเวณที่ดินของตนให้เหี่ยวแห้งหรือมีสภาพรกรุงรัง ในสภาพที่ประชาชนอาจเห็นได้จากที่สาธารณะ

  2. ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นและพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 คอยสอดส่องและกวดขันไม่ให้มีการฝ่าฝืน พระราชบัญญัตินี้โดยเคร่งครัด

ตักเตือนผู้กระทำผิดหรือสั่งให้ผู้กระทำผิดแก้ไขหรือขจัดความสกปรก หรือความไม่เป็นระเบียบหรือความไม่เรียบร้อยให้หมดไป รวมทั้งจับกุมผู้กระทำผิดชื่งไม่เชื่อฟังคำตักเตือน และดำเนินคดีตามพระราชบัญญัตินี้

  3. ประชาสัมพันธ์การดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ให้ประชาชนทราบถึงหน้าที่ ที่จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้