![]()
แปลก..ประการแรก ปัจจุบันยังถูกจัดอยู่ในทำเนียบวัดร้าง แม้ว่าจะมีพระจำพรรษาอยู่ก็ตาม แปลก..ประการที่สอง โบสถ์มีรูปทรงที่ไม่เหมือนวัดทั่วไป แถมการตกแต่งภายในยังผิดไปจากวัดพุทธอื่นๆ กล่าวคือมีการปั้นพระสมเด็จคล
![]()
แปลก..ประการแรก ปัจจุบันยังถูกจัดอยู่ในทำเนียบวัดร้าง แม้ว่าจะมีพระจำพรรษาอยู่ก็ตาม แปลก..ประการที่สอง โบสถ์มีรูปทรงที่ไม่เหมือนวัดทั่วไป แถมการตกแต่งภายในยังผิดไปจากวัดพุทธอื่นๆ กล่าวคือมีการปั้นพระสมเด็จคล
![]()
สองฟากถนนเล็กๆ ระหว่างสายเอเชีย-เลียบคลองชลประทาน สู่ที่ทำการ อบต.บางมัญ อ.เมืองสิงห์บุรี..ตอนนี้เหลืองอร่ามไปด้วยดอกปอเทือง..ประโยชน์ของการปลูกปอเทือง คือเป็นพืชตระกูลถั่วช่วยปรับสภาพดินให้กลับมาอุดมด้วยแร่ธาตุ
![]()
มีพรายกระซิบจาก..องค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี(อบจ.) บอกข่าวดีมาว่า ในไม่ช้านี้สิงห์บุรีบ้านเราจะมี “สัญลักษณ์ประตูสู่เมืองสิงห์” คล่อมบนถนนสายเอเชีย บริเวณ อ.พรหมบุรี ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจังหวัดเร
![]()
วัดไทร ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี ถือเป็นอะแมชซื่งเมืองสิงห์บุรีเลยทีเดียว..มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาว่า เดิมชื่อวัดทะยานแต่ชาวบ้านเรียกวัดไทร เพราะแวดล้อมไปด้วยต้นไทร สร้างในสมัยอยุธยา.. ต่อมาถูกพม่าเผาทำลาย สุมไฟลอ
![]()
วัดกระดังงาบุปผาราม สร้างเมื่อใดไม่ทราบแน่ชัด รู้แต่ว่าเป็นวัดที่มีประวัติยาวนาน และเชื่อมโยงกับการศึกสงคราม ปกป้องแผ่นดินมาหลายยุคหลายสมัย ที่สำคัญมีหลักฐานการผูกพันแนบแน่นกับชาวมอญอยู่หลายอย่าง เช่น เสาหงส์ และ
![]()
น่าเสียดายที่ วัดเก่าคู่บ้านคู่เมืองสิงห์บุรี อย่าง “วัดสิงห์” ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี แทบไม่มีบันทึกใดๆ ปรากฏให้ลูกหลานและคนรุ่นหลังได้ศึกษา-จดจำมากนัก จนกระทั่งมาโด่งดังเอาในยุคของหลวงพ่อเชน อดีตเจ้าอาวาส ผู้เก่งก
![]()
นึกถึงคำกล่าวสมัยพ่อขุนรามฯ “ใครใคร่ค้าม้าค้า ใครใคร่ค้าวัวค้า” ที่นี่ก็เหมือนกันเป็นแหล่งรวมอาหารการกิน ที่ชาวบ้านย่านนั้นนำมาจำหน่าย เทียบได้กับ ตู้กับข้าว ที่แม่บ้านทำแล้วนำมาใส่ไว้ให้สมาชิกในบ้านห
![]()
วัดโคกพระ เป็นอีกวัดหนึ่งที่ชาวสิงห์บุรีไม่ค่อยรู้จัก แต่กลับโด่งดังมากในหมู่ผู้นิยมพระสายเครื่องรางของขลัง เนื่องจากหลวงปู่พันธุ์ สุขุโม อดีตเจ้าอาวาส เป็นหนึ่งในเกจิอาจารย์ที่เชื่อกันว่าสุดยอดอาคม เจ้าของตำนาน
![]()
เรื่องเล่าที่ชาวสิงห์บุรีรุ่นหลังเริ่มลืมเลือนและไม่ค่อยพูดถึงกัน อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเรื่องราวในนิทานปรัมปรา “ลูกฆ่าพ่อ” ที่เป็นบ่อเกิดของวัดประชดหรือชื่อปัจจุบันว่า วัดประโช
![]()
เคยเขียนถึงวัดสะเดา ต.แม่ลา อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี มาครั้งหนึ่งแล้ว ถึงประวัติความเป็นมาและความร่มรื่นของแมกไม้ริมลำแม่ลา ที่เต็มไปด้วยต้นสะเดาขนาดใหญ่และเล็กขึ้นอยู่ในบริเวณวัดเป็นจำนวนมาก.. แต่วันนี้