ว่างเมื่อไร..เป็นต้องเดินสาย ตระเวนเที่ยวชมของดีสิงห์บุรีบ้านเรา มาคราวนี้แวะไปที่..วัดม่วง วัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภออินทร์บุรี..
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นประมาณปี พ.ศ. 2365 ว่ากันว่าเดิมพื้นที่บริเวณนี้มีต้นมะม่วงขนาดใหญ่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงพากันเรียกชื่อว่าวัด “วัดม่วง”..
แต่อีกตำนานเล่ากันสืบมาว่า ประมาณกว่า 200 ปี ปู่สุขและปู่มี ชาวลาว ถูกกวาดต้อนมาจากเมืองเวียงจันทน์ ได้มาปลูกบ้านเรือนอยู่ที่บ้านนี้ เป็นผู้นำในการสร้างวัดม่วง เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจ
ภายในวัดเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะวิหารเก่าแก่ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าบันประดับด้วยภาชนะเครื่องถ้วยต่างๆ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระอุโบสถ ขนาดค่อนข้างเล็ก
ด้านหน้าก่อมุขยื่นออกมาต่อกับบันไดทางขึ้น ผนังด้านหน้าอาคารและผนังภายในวิหารทั้ง 4 ด้าน มีภาพจิตรกรรมสีฝุ่นมีรองพื้น ลักษณะที่ปรากฏแสดงว่ามีการเขียนทับซ้อนกันไม่น้อยกว่าสองครั้ง เป็นภาพฝีมือแบบพื้นฐานของชาวพื้นบ้าน เขียนเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ฝีมือช่างพื้นบ้านซึ่งคาดว่าน่าจะเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เล่าเรื่องราวพุทธประวัติตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมโบราณ
ส่วนเจดีย์นั้นเป็นแบบสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองที่มีเล่าลือกันว่าเป็นที่บรรจุอาวุธ วัตถุมงคล ของมีค่า ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อล้างบาป…เจดีย์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส..
และที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ..เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จทางชลมารคมาจากทิศเหนือตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ทรงหยุดพักเสวยพระกระยาหารกลางวันที่บนศาลาวัดม่วงแห่งนี้ และได้เสด็จเยี่ยมประชาชนแล้วจึงเสด็จไปพักแรมที่จังหวัดสิงห์บุรีแต่เสียดาย..ขณะนี้สภาพชำรุดทรุดโทรมมาก เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่เสมอ..