![]()
จากรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทยปี 2560 โดยกรมควบคุมมลพิษ พบว่าจังหวัดสมุทรปราการมีขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น 2,445.62 ตันต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณการสะสมของขยะมูลฝอยที่มีมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย โดยนำมาทิ้งยังบ่อขยะที่ตำบลแพรกษาใหม่ จนได้สมยานามว่าเป็น “ภูเขาขยะขนาดใหญ่” ที่ส่งกลิ่นรบกวนมาในระยะทางไกล

เมื่อเกิดการสะสมของขยะมูลฝอยเป็นจำนวนมากในพื้นที่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการจัดตั้งและพัฒนาศูนย์บริหารจัดการขยะชุมชนแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ของบริษัท อีสเทิร์น เอเนอจี้ พลัส จำกัด ที่เข้ามาจัดการขยะในจังหวัดสมุทรปราการ

“จังหวัดสมุทรปราการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 48 แห่ง ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท โดยการบูรณาการร่วมกันในโครงการศูนย์บริหารจัดการขยะชุมชนแบบครบวงจร และเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2559 โดยให้ อปท. เก็บขยะมูลฝอยจากต้นทางในพื้นที่ตนเอง มายังบ่อขยะแพรกษาใหม่ และบริษัทจะเป็นผู้บริหารจัดการขยะมูลฝอย” นายธนพล ปิยาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อีสเทิร์น เอเนอจี้ พลัส จำกัด กล่าวถึงที่มา

เริ่มต้นจากการจัดการกับบ่อขยะเดิมที่เป็นบ่อแบบฝังกลบตั้งแต่ปี 2539 จนถึงปัจจุบัน บนพื้นที่ขนาด 159 ไร่ โดยรับเฉพาะขยะจากชุมชนในปริมาณ 4,000 ตันต่อวัน จาก อปท.ต่างๆ จากนั้นฝังกลบในรูปแบบเทกองแบบควบคุมโดยการใช้น้ำหมักชีวภาพ (EM) ฉีดลงไปยังขยะที่จะทำการฝังกลับ 200,000 – 300,000 ลิตรต่อวัน และยังใช้ดินเหนียวเทกลบเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นขยะที่รบกวนประชาชน และน้ำหมักชีวภาพยังสามารถช่วยย่อยสลายอินทรีย์สาร
ในส่วนของการแยกขยะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ประกอบไปด้วย ขยะที่เผาไหม้ได้ ร้อยละ 60 เป็นขยะที่ไม่มีราคา ไม่ย่อยสลาย ใช้การเผาเป็นเชื้อเพลิง RDF ประเภทที่ 2 ขยะอินทรีย์ เป็นพวกเศษอาหาร เป็นของหนักไม่ค่อยย่อยสลาย จึงนำกากที่เหลือไปทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือผสมดิน ประเภทสุดท้ายคือ ขยะรีไซเคิล เป็นขยะที่มีราคา สามารถนำไปขายได้




