ทุกครั้งที่มีงานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ ไฮไลท์สำคัญที่ทุกสายตาจับจ้องกันก็คือ วินาทีการปีนขึ้นไปห่มผ้ารอบองค์พระสมุทรเจดีย์ของพี่น้องตระกูลรุ่งแจ้ง ซึ่งตามประวัติเดิมระบุว่า การขึ้นไปห่มผ้าองค์พระสมุทรเจดีย์จะใช้นักโทษปีนขึ้นไปห่มผ้า แต่ต่อมานักโทษไม่ยอมขึ้น เพราะกลัวจะตกลงมา หันไปทางไหนไม่มีใครกล้าพอที่จะยอมขึ้นไปห่มผ้าได้
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอาสา นายรอด รุ่งแจ้ง ซึ่งเป็นพนักงานในโรงน้ำชา จึงตัดสินใจอาสาขอปีนขึ้นไปห่มผ้าองค์พระสมุทรเจดีย์ด้วยตนเอง เพื่อให้งานประเพณีสำคัญสำเร็จลุล่วงไปได้ ผลปรากฏว่า นายรอดทำได้สำเร็จ จนเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือไปทั่วทั้งสมุทรปราการ เพราะเขาเป็นชาวบ้านคนแรกที่ได้รับเกียรติสำคัญครั้งนี้ ที่สำคัญสำเร็จได้ราวปาฏิหาริย์
หลังจากนั้นนายรอด ได้ฝึกลูกชายอีก 2 คน คือนายบาง รุ่งแจ้ง และนายจำรัส รุ่งแจ้ง ให้มาเป็นผู้ช่วย โดยทั้ง 3 คน ได้ใช้ความสามารถและความร่วมมือร่วมใจกันเป็นทีมม้วนผ้าแดง แล้วปีนขึ้นไปทำการห่มรอบองค์พระเจดีย์จนสำเร็จทุกครั้ง และได้รับการยกย่องให้เป็นตระกูลที่ต้องทำหน้าที่อันทรงเกียรติปีนห่มผ้าองค์พระสมุทรเจดีย์ ที่มีความสูงถึง 39.75 เมตร นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบันตระกูลรุ่งแจ้ง ได้ทำหน้าที่สืบทอดพิธีห่มผ้ามาถึงรุ่นที่ 5 แล้ว ถือเป็นรุ่นหลานและรุ่นเหลน ของนายรอด รุ่งแจ้ง โดยทางทีมงานได้มีโอกาสไปนั่งพูดคุยกับทั้ง 6 ผู้กล้า ก่อนที่จะขึ้นไปปฏิบัติภารกิจสำคัญในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า..
นายนายฉันท์ รุ่งแจ้ง วัย 74 ปี (บุตรชายคนโตของ นายบาง รุ่งแจ้ง)
“ผมขึ้นปืนห่มผ้ามาตั้งแต่อายุ 16 ปี ปัจจุบันก็อายุ 74ปีแล้ว พอถึงเวลาปีหนึ่งก็ต้องมาทำหน้าที่ เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าพ่อปีนขึ้นไป เลยอยากที่จะลองปีนบ้าง ไม่มีการฝึกซ้อมอะไรกันก่อน เห็นก็จำเอา เมื่อก่อนจะห่มแค่ 3 วัน 3 คืน พองานเลิกก็เอาออก เก็บผ้าเอาไว้ใช้ปีต่อไป เพราะแต่ก่อนนั้นผ้ามีราคาสูง แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกนะก็รู้สึกภูมิใจนะ แต่ใหม่ๆ ขึ้นไปตอนอายุ16 ปี ก็กลัวเหมือนกันเพราะมันสูงและเรายังเด็กอยู่ พอขึ้นไปก็จะมีอาการสั่น แต่พอหนสองหนก็หายและจะชินไปเอง”
นายมนูญ รุ่งแจ้ง วัย 67 ปี (บุตรชายของ นายบาง รุ่งแจ้ง)
“ฝึกการปีนมาจากพ่อบาง รุ่งแจ้ง ตั้งแต่ตนเองอายุ15 ปี พอบอกอยากปืนคุณพ่อก็ให้ปีนเลยจนเริ่มชำนาญมากขึ้น ผ้าแดงที่ปลดลงมาแล้วต้องนำไปแจกให้คนที่อยากได้ตัดไปแบ่งกัน ส่วนตัวนั้นผมศรัทธาในองค์พระสมุทรเจดีย์มากเพราะท่านคุ้มครองพวกเราทุกคนเวลาขึ้นห่ม จนเหมือนว่าประเพณีนี้คืองานของเรา หน้าที่ของเรา ใช้เวลาขึ้นไปห่มประมาณ 1ชั่วโมง ทำเรื่อยๆ ห้ามใจร้อน แต่ก็มีบางครั้งที่เวลาขึ้นห่มอยู่ก็ตกใจเสียงพลุ เพราะเวลาที่เขาจุดพลุเขาไม่บอกเรา”
นายวิษณุ รุ่งแจ้ง วัย 53 ปี
“แต่เดิมทำงานเดินเรือทะเลไม่ได้อาสาปีนขึ้นห่มผ้าตั้งแต่เริ่มแรก มาเริ่มขึ้นตอนอายุ 40 ปี ดูตามพี่ๆเขาทำกัน เราก็ต้องกล้าไม่กลัว และต้องไม่มีโรคประจำตัว ความรู้สึกที่ขึ้นไปรู้สึกไม่กลัว เหมือนปกติที่อยู่บนพื้นทั่วไป มันเป็นอัตโนมัติเลยว่า ครบหนึ่งปีแล้วเราก็ต้องเตรียมตัวขึ้นไปห่มผ้าองค์พระสมุทรเจดีย์ เหมือนเป็นหน้าที่ที่เราต้องไปทำ ส่วนตัวผมมีแต่ลูกสาว ก็ไม่ได้มีผู้สืบทอดต่อจากนี้ เราก็ยังพอไหวอยู่ยังขึ้นห่มได้อีกหลายปีแน่นอน”
นายธนพร รุ่งแจ้ง วัย 51 ปี
“เริ่มแรกก็ไปดูก่อนว่าเขาทำกันอย่างไร พอเห็นก็เลยเริ่มมีความกล้าอยากลองทำบ้าง ก็ภูมิใจนะที่ได้เป็นตัวแทนในตระกูลขึ้นไปห่มผ้าแดงองค์พระสมุทรเจดีย์ มันไม่ยากหรอกเพราะเราขึ้นไปทุกปีๆ ทุกคนมีจุดของตัวเอง รู้ว่าใครอยู่จุดไหนทำตรงไหนก็ต้องประจำตำแหน่งเดิมทุกปีๆ”
นายวินัย รุ่งแจ้ง วัย 43 ปี
“ปัจจุบันผมเป็นพนักงานเทศบาลอยู่ ได้ลองขึ้นห่มตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ พ่อบอกว่าให้ลองหัดขึ้นไปก็เลยได้ขึ้น ก่อนขึ้นก็ไหว้ปู่ ย่า ตา ยายก่อน ขึ้นไปทีแรกก็อยู่ต่ำๆ ตรงคอระฆัง พอทำมาหลายๆ ปีเข้า ก็ได้ขึ้นสูงขึ้น ตอนนี้ผมก็มีลูกก็อยากให้เขาสืบทอดต่อ แต่ก็ต้องแล้วแต่เขาอีกทีว่า ใจเขาอยากขึ้นหรือเปล่าด้วย”
นายสมศักดิ์ รุ่งแจ้ง วัย 43 ปี
“ขึ้นห่มผ้าตั้งแต่อายุ 20กว่าๆ ขึ้นตามพ่อไปแล้วก็ดูเขาทำ แล้วพ่อก็ให้ปีนขึ้นเลย ไม่เคยมีการซ้อมมาก่อน ตอนนี้ก็รู้สึกเฉยๆ ไปแล้ว เพราะเราทำเป็นประจำ ปัจจุบันผมก็ทำงานขับแท็กซี่อยู่ ในวันตักบาตรเทโวผมก็มาเอาผ้าลง คนที่เอาผ้าขึ้นห่มกับคนที่เอาผ้าลงก็คือ ตระกูลรุ่งแจ้ง ก็รู้สึกภูมิใจที่ได้รับเกียรติสืบมาในตระกูล”
